Cyberbullying or cyberharassment is a form of bullying or harassment using electronic forms of contact. Cyberbullying has become increasingly common, especially among teenagers. Harmful bullying behavior can include posting rumors about a person, threats, sexual remarks, disclose victims' personal information, or pejorative labels (i.e., hate speech). Bullying or harassment can be identified by repeated behavior and an intent to harm.Victims may have lower self-esteem, increased suicidal ideation, and a variety of emotional responses, retaliating, being scared, frustrated, angry, and depressed. Individuals have reported that cyberbullying can be more harmful than traditional bullying.
Awareness in the United States has risen in the 2010s, due in part to high-profile cases. Several states in the US and in other countries have laws specific to regulating cyberbullying. These laws can be designed to specifically target teen cyberbullying, while others use laws extending from the scope of physical harassment. In cases of adult cyberharassment, these reports are usually filed beginning with local police. Research has demonstrated a number of serious consequences of cyberbullying victimization.
Internet trolling is a common form of bullying over the Internet in an online community(such as in online gaming or social media) in order to elicit a reaction, disruption, or for their own personal amusement.Cyberstalking is another form of bullying or harassment that uses electronic communications to stalk a victim may pose a credible threat to the safety of the victim.
การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (อังกฤษ: Cyberbullying) เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือคุกคามผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยวิธีการซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไตร่ตรองไว้แล้ว จาก U.S. Legal Definitions ให้คำนิยามว่า "การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ อาจหมายถึงการประกาศข่าวลือหรือคำนินทาเกี่ยวกับบุคคลหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งก่อให้เกิดการรังเกียจแก่จิตใจต่อผู้อื่น หรืออาจหมายถึง คุกคามเหยื่อโดยเผยแพร่เนื้อหาที่ทำลายชื่อเสียงหรือทำให้เกิดความขายหน้า"
เนื่องด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาขึ้น การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามกัน โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น มีการรับรู้เรื่องราวนี้มากขึ้นจากกรณีการฆ่าตัวตายของไทเลอร์ เคลเมนติ
การปรับใช้ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญากับการกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์
ส้าหรับประเด็นการปรับใช้ประมวลกฎหมายอาญากับการกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์นั น ในบทความนี มี
ขอบเขตวิเคราะห์ฐานความผิดหมิ่นประมาท และฐานความผิดอีก 3 มาตรา ได้แก่ มาตรา 293 มาตรา 392
และมาตรา 397 ดังจะได้แยกพิจารณาเป็นประเด็นไปดังต่อไปนี
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
การโพสต์ข้อความหรือภาพ ที่เป็นการกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์อาจเข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่น
ประมาทตามกฎหมายอาญามาตรา 326 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะ
ท้าให้ผู้อื่นนั นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั นกระท้าความผิดฐานหมิ่นประมาท” แต่ปัญหา
ส้าคัญของการปรับใช้มาตรา 326 ก็คือ จะต้องเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อ “บุคคลที่สาม” หากพิจารณาการกลั่น
แกล้งรังแกออนไลน์ อาจจ้าแนกได้เป็นสองกรณีคือ
กรณีแรก การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะกลั่นแกล้งรังแกต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดย
เฉพาะเจาะจงทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคม หรือทางโปรแกรมประยุกต์เพื่อการสนทนา เช่น ไลน์ (LINE) โดยส่ง
ข้อความที่ผู้อื่นไม่สามารถเห็นได้ เช่น ส่งทางกล่องข้อความ หรือในส่วนการสนทนาส่วนบุคคล กรณีนี ไม่เข้า
องค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท เนื่องจากไม่มีบุคคลที่สามรับรู้ข้อความดังกล่าว
กรณีที่สอง การส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะกลั่นแกล้งรังแกต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดย
เฉพาะเจาะจงทางอินเทอร์เน็ตหรือทางเว็บไซต์เครือข่ายสังคมหรือทางโปรแกรมประยุกต์เพื่อการสนทนา โดย
ส่งข้อความในส่วนพื นที่ซึ่งผู้ใช้งานเว็บไซต์เครือข่ายสังคมอื่นพบเห็นได้ เช่น บนหน้ากระดานหลัก (Wall) ของ
เว็บไซต์เครือข่ายสังคม Facebook หรือในส่วนการสนทนากลุ่มของโปรแกรมประยุกต์ไลน์ ซึ่งมีบุคคลอื่นอยู่
ด้วย ดังนี อาจเข้าองค์ประกอบของการมีบุคคลที่สาม แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ข้อความนั นมี
เนื อหาถึงขั นน่าจะเป็นการท้าให้ผู้นั นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังหรือไม่ หากน้าข้อเท็จจริง
กรณีRehtaeh Parsons มาปรับกับกฎหมายไทยจะเห็นได้ว่า การโพสต์ภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่วงละเมิดทาง
เพศที่ท้าให้ Rehtaeh Parsons อับอายนั น มีลักษณะท้าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอันอาจเข้าองค์ประกอบความผิด
ฐานหมิ่นประมาทได้แต่การกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์อื่นๆ ที่เป็นเพียงการกล่าวข้อความท้าให้ผู้ถูกกลั่นแกล้ง
รังแกรู้สึกด้อยค่า เศร้า หดหู่ แต่ยังไม่ถึงขั นท้าให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่น
ประมาท
ความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 293
การกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์หลายกรณีอาจส่งผลให้ผู้ถูกกลั่นแกล้งรังแกฆ่าตัวตาย กรณีนี กฎหมาย
อาญามาตรา 293 วางหลักว่า “ผู้ใดช่วยหรือยุยงเด็กอายุยังไม่เกินสิบหกปี หรือผู้ซึ่งไม่สามารถเข้าใจว่าการ
กระท้าของตนมีสภาพหรือสาระส้าคัญอย่างไร หรือไม่สามารถบังคับการกระท้าของตนได้ ให้ฆ่าตนเอง ถ้าการ
ฆ่าตนเองนั นได้เกิดขึ นหรือได้มีการพยายามฆ่าตนเอง ต้องระวางโทษจ้าคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
https://www.etda.or.th/content/cyberbullying-panel-discussion-at-thailand-cybersecurity-week-2017.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น